มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง

มหาวิทยาลัยจึงริเริ่มจัดให้มีโครงการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา เพื่อจัดการเรียนการสอนระดับบัณฑิตศึกษา ในระยะแรกเปิดสอน หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา และต่อมาได้เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตการ จัดการ และการประเมินโครงการ หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาชาวิชาชีพครู หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตก
มีท้องถิ่นที่อยู่ในความรับผิดชอบในเขตจังหวัดราชบุรีและจังหวัดสมุทรสงคราม
มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ได้มีบทบาทด้านต่างๆ ต่อท้องถิ่น
โดยเฉพาะด้านการจัดการศึกษา ได้จัดการศึกษาระดับต่าง ๆ
จนถึงระดับปริญญาตรีมายาวนาน ประกอบกับมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
ได้มีนโยบายที่จะพัฒนาบุคคลของสถาบันในด้านคุณวุฒิการศึกษา
และประสบการณ์ตลอดมา
จึงเป็นหลักประกันได้ว่ามหาวิทยาลัยมีความพร้อมในการที่จะทำการเปิดสอนใน
ระดับบัณฑิต เพื่อสนองความต้องการของท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นในช่วงต้นปีการศึกษา
2541 ซึ่งมหาวิทยาลัยยังมีสถานภาพเป็นสถาบันราชภัฏ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ. 2538
และข้อบังคับคณะกรรมการสภาสถาบันราชภัฏว่าด้วยการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน
พ.ศ. 2539

มหาวิทยาลัยจึงริเริ่มจัดให้มีโครงการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา เพื่อจัดการเรียนการสอนระดับบัณฑิตศึกษา ในระยะแรกเปิดสอน หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา และต่อมาได้เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตการ จัดการ และการประเมินโครงการ หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาชาวิชาชีพครู หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
ในการดำเนินงานได้มีการจัดตั้งบัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานภายในโดยคณบดี
บัณฑิตวิทยาลัยคนแรก คือ อาจารย์ ดร. ชาญชัย ยมดิษฐ์
ดำรงตำแหน่งในปีการศึกษา 2542 เป็นต้นมา
บัณฑิตวิทยาลัยในสมัยนั้นได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบการจัดการศึกษาในระดับ
บัณฑิตศึกษา จึงได้พัฒนาหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาเพิ่มเติม ดังนี้

ปีการศึกษา 2544 เริ่มเปิดสอนหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2544
ปีการศึกษา 2545 เริ่มเปิดสอนหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและ การสอน ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2545
ปีการศึกษา 2546 เริ่มเปิดสอนหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชายุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนา ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2546
และหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา
ในภาคเรียนที่ 3 ปีการศึกษา 2546
ปีการศึกษา 2547
เริ่มเปิดสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาชาวิชาบริหารธุรกิจ
(การจัดการทั่วไป) ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2547
ต่อมาในปี พ.ศ. 2547
สถาบันราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงได้ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547
ได้มีการปรับโครงสร้าง การบริหารใหม่ให้บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานภายในเรียกชื่อว่า “งานบัณฑิตศึกษา”
สังกัดสำนักงานส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน โดยมีรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการเป็นผู้กำกับดูแลงานบัณฑิตศึกษา และสภามหาวิทยาลัยได้ให้ความเห็นชอบการดำเนินงานตามที่ปรากฏในข้อบังคับ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงว่าด้วยการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา พ.ศ. 2549 และได้พัฒนาหลักสูตรเพิ่มเติมปีการศึกษา 2549
เริ่มเปิดสอนหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ และหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชามวยไทยศึกษา ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2549
ได้มีการปรับโครงสร้าง การบริหารใหม่ให้บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานภายในเรียกชื่อว่า “งานบัณฑิตศึกษา”
สังกัดสำนักงานส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน โดยมีรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการเป็นผู้กำกับดูแลงานบัณฑิตศึกษา และสภามหาวิทยาลัยได้ให้ความเห็นชอบการดำเนินงานตามที่ปรากฏในข้อบังคับ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงว่าด้วยการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา พ.ศ. 2549 และได้พัฒนาหลักสูตรเพิ่มเติมปีการศึกษา 2549
เริ่มเปิดสอนหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ และหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชามวยไทยศึกษา ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2549
ปีการศึกษา 2550 เริ่มเปิดสอนหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550
ปีการศึกษา 2550 เริ่มเปิดสอนหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชามวยไทยศึกษา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550
จากการที่ได้ดำเนินภารกิจบัณฑิตศึกษา
สังกัดสำนักงานส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียนภายใต้การกำกับดูแลรองอธิการบดี
ฝ่ายวิชาการมาจนถึงปัจจุบัน เกิดความไม่คล่องตัวในการบริหารจัดการ
ภาระงานได้ขยายตัวขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งในด้านจำนวนนักศึกษา หลักสูตร
งบประมาณ ปริมาณงานด้านวิชาการ
ตลอดจนต้องมีการควบคุมคุณภาพการศึกษาให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน
ซึ่งจากการศึกษา พบว่า
การจัดตั้งบัณฑิตวิทยาลัยมีผลดีดังต่อไปนี้
การจัดตั้งบัณฑิตวิทยาลัยมีผลดีดังต่อไปนี้
1. บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางที่ช่วยประสาน ดูแล
ควบคุมการจัดการศึกษา
ตลอดทั้งสนับสนุนส่งเสริมทุนการศึกษาค้นคว้าวิจัยให้แก่นักศึกษา
และควบคุมคุณภาพการศึกษา
2. บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางในการช่วยควบคุมตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของคณะ ให้อยู่ในเกณฑ์กลาง
3. บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางในการบริหารจัดการและลดปัญหาต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นในแต่ละคณะ เนื่องจากจะเป็นการบริหารจากส่วนกลางที่บัณฑิต
วิทยาลัยทำให้เกิดผลดีในด้าน ต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัยจะมีบทความวิทยานิพนธ์ที่มีมาตรฐานเดียวกัน ลดปัญหาในเรื่องอัตราค่าสอนที่แต่ละคณะจ่ายไม่เท่ากัน
วิทยาลัยทำให้เกิดผลดีในด้าน ต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัยจะมีบทความวิทยานิพนธ์ที่มีมาตรฐานเดียวกัน ลดปัญหาในเรื่องอัตราค่าสอนที่แต่ละคณะจ่ายไม่เท่ากัน
4. บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางที่สามารถช่วยลดภาระการดำเนินงานของคณะ
ในเรื่องต่างๆ เช่น การตรวจสอบรูปเล่ม วิทยานิพนธ์ การประชาสัมพันธ์
การรับสมัคร หรือ การจัดทำระเบียบประกาศทางวิชาการ
5. บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางที่จะช่วยควบคุมการสอบวิทยานิพนธ์ให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่ได้กำหนดไว้
6.
บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางในการแก้ปัญหาระหว่างอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยา
นิพนธ์ ซึ่งหากเกิดปัญหาเช่นนี้อาจจะไม่จบการศึกษา
บัณฑิตวิทยาลัยจึงเป็นตัวกลางในการประสานงาน
7.
บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางในการจัดเวทีนำเสนอผลงานวิจัยให้กับทุกคณะ
ทั้งภายในภายนอกมหาวิทยาลัย ได้เสนอในภาพรวมของมหาวิทยาลัย
ทำให้ผู้เข้าร่วมงานมองเห็นความเป็นหนึ่งเดียวในมหาวิทยาลัย
และความยิ่งใหญ่ของผลงานวิจัย
8. บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางในการประชาสัมพันธ์หลักสูตร
ในภาพรวมของมหาวิทยาลัยผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาติดต่อสอบถามข้อมูลได้ยัง
บัณฑิตวิทยาลัย
และจะทราบข้อมูลทุกหลักสูตรไม่ต้องเสียเวลาในไปติดต่อกับคณะต่างๆทำให้เสีย
เวลาและเป็นการสิ้นเปลือง
และหากมีการประชาสัมพันธ์หลักสูตรภายนอกจะได้ภาพรวมทั้งมหาวิทยาลัย
9. บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางในการจัดอบรมสัมมนาและกิจกรรมต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับนักศึกษา บัณฑิตวิทยาลัยจะดำเนินการในภาพรวมได้
และสามารถจัดขึ้นได้เพราะมีผู้เข้าร่วมจากหลายคณะวิชา
หากคณะจะจัดกิจกรรมดังกล่าวกว่าจะจัดได้ต้องใช้เวลานานเพราะมีนักศึกษาจำนวน
น้อย
10.
บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางที่เป็นจุดเน้นเพื่อการเข้าสู่มาตรฐานสากล
และเป็นที่ยอมรับจากต่างประเทศ
และทำให้มาตรฐานทางวิชาการเป็นมาตรฐานเดียวกันซึ่งก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ
11.บัณฑิตวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางในการประกันคุณภาพการศึกษาในภาพรวม
ของมหาวิทยาลัยบัณฑิตวิทยาลัยจะดูแลรับผิดชอบรายงานในภาพรวมของมหาวิทยาลัย
ได้ และมหาวิทยาลัยมีนโยบายต้องการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
สนองการพัฒนาท้องถิ่น พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 ตามมาตรา 7
ให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นที่เสริมสร้างพลัง
ปัญญาของแผ่นดิน ฟื้นฟูพลังการเรียนรู้ เชิดชูภูมิปัญญาของท้องถิ่น
และมาตรา 8 ในการดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามมาตรา 7
ทั้งนี้โดยอาศัยแนวปฏิบัติตาม มาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 ที่กำหนดว่า
มหาวิทยาลัยอาจแบ่งส่วนราชการ ดังนี้
มหาวิทยาลัยอาจแบ่งส่วนราชการ ดังนี้
(1) สำนักงานอธิการบดี
(2) สำนักงานวิทยาเขต
(3) บัณฑิตวิทยาลัย
(4) คณะ
(5) สถาบัน
(6) สำนัก และ
(7) วิทยาลัย
จึงเห็นควรยกระดับโครงการบัณฑิตศึกษาใน
ปัจจุบันให้เป็นหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย มีฐานะเทียบเท่าคณะ
เรียกหน่วยงานว่า“บัณฑิตวิทยาลัย”เป็นหน่วยงานกำกับมาตรฐานสนับสนุนและอำนวย
การการจัดการศึกษาบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยฯ
ดำเนินการจัดการศึกษาและบริหารงานตามนโยบายและความเห็นชอบของคณะกรรมการ
บัณฑิตศึกษา โดยประสานงานกับคณะ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา
พ.ศ. 2548 และข้อบังคับมหาวิทยาลัยว่าด้วยการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
เพื่อเป็นหลักประกันเบื้องต้นที่แต่ละหลักสูตรจะสามารถจัดการเรียนการสอน
ระดับบัณฑิตศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ